หากพูดถึงสารสกัดที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระในอาหารเสริม 1 ใน 5 จะต้องมีคนพูดถึง Elderberry อย่างแน่นอน วันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักสารสกัดทรงพลังที่จะช่วยต่อต้านอนมุลอิสระที่เหล่าแบรนด์อาหารเสริมเลือกใช้
เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) คืออะไร
“เอลเดอร์เบอร์รี่” (Elderberry) คือ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในยุโรป และอเมริกาเหนือ ผลทรงกลมเป็นพวงขนาดเล็ก ผลดิบสีเขียว ผลสุกจะมีสีม่วงเข้มถึงดำ มีเนื้อสีแดงเข้ม เนื้อนุ่มฉ่ำน้ำ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน
เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) ประโยชน์เกินตัว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
เอลเดอร์เบอร์รี่ เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการแพทย์ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีการใช้ในเชิงของยาต้านหรือยับยั้งเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด และโรคไข้หวัดใหญ่มาอย่างยาวนาน ซึ่งเมื่อเทียบค่า Antioxidant กับผลไม้ชนิดอื่น พบว่าเอลเดอร์เบอร์รี่มีค่า Antioxidant สูงกว่าแบล็คเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ทับทิม หรือผลไม้ Superfood ชนิดอื่น
สารอาหารสำคัญในเอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry)
เอลเดอร์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่ม ฟลาโวนอยด์ และสารอาหารต่างๆมากมาย ได้แก่
- สารแอนโทไซยานิน มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึง 2 เท่า ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดได้ ลดคอเลสเตอรอล ช่วยยับยั้งการเกาะติดของเชื้อไวรัสกับเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ชะลอการเติบโตของเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- เควอซิติน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต้านอาการอักเสบและภูมิแพ้ มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามีนที่เป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและภูมิแพ้ต่างๆ ลดความเสี่ยง ความรุนแรง หรือลดการอักเสบในการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน นอกจากนี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย รวมทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจอีกด้วย
- รูติน มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านอาการภูมิแพ้ อีกทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดการเกิดลิ่มเลือด ทำให้หลอดเลือดฝอยและหลอดเลือดดำแข็งแรง มีการศึกษาวิจัยพบว่า รูตินช่วยทำให้วิตามินซี ถูกดูดซึมไปทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยจะทำให้มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมและให้ความแข็งแรงเซลล์ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และเมื่อวิตามินซีทำงานร่วมกับสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดฝอย ป้องกันหลอดเลือดเปราะแตกง่าย และช่วยลดอาการเส้นเลือดขอดได้
- วิตามินเอ มีผลต่อการเจริญเติบโต การสร้างกระดูก และระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ ยังป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ ทำให้ผิวและผมแข็งแรง
- วิตามินซี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน และยังพบว่าการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันจะสามารถช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดได้
เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) ประโยชน์หลัก เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
- รักษาอาการไข้หวัด
จากการศึกษาของผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่จำนวน 60 คน พบว่าผู้ที่ทานน้ำสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ ในปริมาณ 15 ลิตร 4 ครั้งต่อวัน แสดงอาการที่ดีขึ้นในระยะเวลา 4 วัน ซึ่งต่างจากกลุ่มผู้ที่ได้รับการรักษาโดยไม่มีการทานผลเอลเดอร์เบอร์รี่ที่ใช้ระยะเวลา 7-8 วันกว่าร่างกายจะฟื้นฟู
- ต้านสารอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
เนื่องจากเอลเดอร์เบอร์รี่ มีฟลาโวนอยด์ และกรดฟีนอลิก ที่ทำหน้าที่เข้าไปเป็นตัวช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี เพื่อปกป้องมิให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ขึ้น เพราะการที่ร่างกายมีปฏิกิริยานี้มากเกินไป อาจก่อให้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งได้
- บำรุงหัวใจ
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าน้ำผลไม้จาก ผลเอลเดอร์เบอร์รี่ อาจช่วยลดระดับไขมันในเลือด และคอเลสเตอรอลได้ เนื่องจากมีสารอาหารประเภทฟลาโวนอยด์ แอนโทไซยานิน ที่มีส่วนช่วยในการปรับปรุงสุขภาพหัวใจลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ พร้อมทั้งยังช่วยลดความดันในโลหิตให้ลดลงอีกด้วย
เอลเดอร์เบอร์รี่ประโยชน์อัดแน่นขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่ได้รับขนานนามเป็น Superfood และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อย่าลืมไปหาซื้อมารับประทานกัน เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้แข็งแรงพร้อมสู้โรคร้ายต่างๆ และเพื่อความสะดวก สามารถเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้คัดสรร สารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ มาไว้ให้แล้ว เพื่อเป็นทางเลือกที่สะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สนับสนุนข้อมูลดีๆ จาก well u Immu Seven
well u นวัตกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : well-u.com